กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ที่แท้จริงเป็นแบบไหน
หลายคนที่มาหาหมอเกมส์มักพูดว่า
“หมอคะ หนูเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงหรือเปล่า? คลินิกอื่นบอกให้รีบผ่า”
แต่พอหมอตรวจจริงกลับพบว่า…กว่า 60% ของคนไข้เหล่านั้น ไม่ได้เป็น กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เลย!
เพียงแค่เปลือกตาหย่อนจากไขมันหรือหนังตาส่วนเกินเท่านั้น
ดังนั้น หมออยากให้ทุกคนเข้าใจคำว่า “กล้ามเนื้อตา” ให้ถูกต้องก่อนจะตัดสินใจทำศัลยกรรมใด ๆ
หมอขอเตือน! คนไข้จำนวนมากถูกวินิจฉัยผิด ทั้งที่จริงไม่ใช่ “กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง” แต่เป็นปัญหาอื่นที่รักษาต่างกันโดยสิ้นเชิง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า “กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง” กลายเป็นคำฮิตในโลกศัลยกรรมตา หลายคนถูกบอกว่าตนเองมีภาวะนี้ และต้อง “ผ่าตัดกล้ามเนื้อตา” เท่านั้น ทั้งที่จริงแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่เปลือกตาตกหรือดูง่วง จะเป็น กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เสมอไป
หมอเกมส์อยากให้คุณเข้าใจให้ถูกต้องก่อนตัดสินใจ เพราะการผ่าตัดผิดวิธีอาจทำให้ดวงตา “ไม่เท่ากัน” หรือ “หลับไม่สนิท” ได้
👁️ กล้ามเนื้อตาคืออะไร?
กล้ามเนื้อตา (Levator muscle) เป็นกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ที่อยู่เหนือเปลือกตา ทำหน้าที่ยกหนังตาขึ้น หากกล้ามเนื้อนี้ทำงานลดลง เปลือกตาจะตกลงมาคล้ายคนง่วงนอน ซึ่งในทางการแพทย์เรียกว่า “Ptosis” (พ์โทสิส) หรือภาวะหนังตาตกจากกล้ามเนื้อยกตาอ่อนแรงจริง ๆ ซึ่งก็คือ กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
ภาวะนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การใช้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงบ่อย ๆ
กรรมพันธุ์: พบได้ตั้งแต่เด็ก
อายุ: เมื่ออายุมากขึ้น เอ็นที่ยึดกล้ามเนื้อหย่อน
การใส่คอนแทคเลนส์นาน ๆ: ทำให้เอ็นกล้ามเนื้อยืด
ผลจากการผ่าตัดหรืออุบัติเหตุ: กล้ามเนื้อถูกดึงหรือบาดเจ็บ
⚠️ ปัญหาที่มักถูก “หลอกว่าเป็น กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง”
❌ ทำไมคนจำนวนมากถูกหลอกว่าเป็น กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง?
เพราะอาการ “ตาดูง่วง” มักดูคล้ายกับหลายภาวะมาก
เช่น หนังตาหย่อนจากอายุ, ไขมันเปลือกตามาก, ชั้นตาหลุด หรือแม้แต่โครงกระดูกเบ้าตาลึก
คลินิกบางแห่งอาจใช้ภาพ “ก่อน–หลัง” มาหลอกขายแพ็กเกจ โดยบอกว่า
“ถ้าไม่ผ่ากล้ามเนื้อตา ชั้นตาจะไม่เท่ากันนะคะ”
แต่จริง ๆ แล้ว คนไข้เพียงทำ ตาสองชั้นแผลเล็ก (Scarless technique) ก็เพียงพอ
ไม่จำเป็นต้องผ่ากล้ามเนื้อเลย
ผลลัพธ์จากการผ่าผิดจุด:
ตาสองข้างไม่เท่ากัน
หลับตาไม่สนิท
ตาแห้งเรื้อรัง
ต้องกลับมา “แก้ตา” ซ้ำอีกครั้ง
หมอเคยเจอเคสหนึ่ง ผ่ามาจากคลินิกทั่วไปด้วยเหตุผลว่า “กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง”
แต่จริง ๆ แล้วกล้ามเนื้อดีมาก — ปัญหาคือ หนังตาหย่อน
พอเปิดแผลดูพบว่ากล้ามเนื้อถูกเย็บสั้นเกินไป จนเวลาหลับตา “ไม่ปิดสนิท” ต้องแก้ใหม่ทั้งระบบ
หมอเกมส์พบว่าในคลินิกศัลยกรรมความงามทั่วไป มีผู้หญิงจำนวนมากที่มาปรึกษาเพราะ “ตาดูง่วง” แล้วถูกแนะนำให้ผ่าตัดแก้กล้ามเนื้อตา ทั้งที่จริงแล้ว ไม่ได้มีปัญหาที่กล้ามเนื้อเลย แต่เกิดจากสาเหตุอื่น เช่นที่ไม่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
ไขมันเปลือกตามากเกินไป
→ ทำให้ชั้นตาดูตกลงมาเหมือนกล้ามเนื้ออ่อนแรง
→ รักษาด้วยการกรีดเอาไขมันส่วนเกินออก ไม่ต้องแตะกล้ามเนื้อชั้นตาไม่ชัดหรือชั้นตาหลุดหลังทำตาสองชั้น
→ ทำให้ตาดูเล็ก ไม่สดใส
→ แก้ไขด้วยการเย็บยึดชั้นตาใหม่แบบแผลเล็กหนังตาหย่อนตามอายุ (Dermatochalasis)
→ หนังตาห้อยลงมาทับขนตา
→ รักษาด้วยการกรีดหนังส่วนเกิน ไม่ต้องผ่ากล้ามเนื้อยกตาตาลึกจากไขมันเบ้าตาลดลง
→ ทำให้ดูง่วงคล้ายกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
→ รักษาด้วยฟิลเลอร์หรือผ่าตัดเติมไขมัน
ดังนั้น ก่อนผ่าตัดใด ๆ จำเป็นต้องให้แพทย์เฉพาะทาง “ตรวจการทำงานของกล้ามเนื้อตา” อย่างละเอียด เช่น การทดสอบการยกเปลือกตา (MRD test) และตรวจความสูงของเปลือกตาขณะมองตรง เพื่อประเมินว่ามีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงหรือไม่
🔬 ต่างกันอย่างไร? กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง “จริง” vs “เทียม”
| รายการ | กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจริง | ตาดูตกจากสาเหตุอื่น |
|---|---|---|
| สาเหตุ | กล้ามเนื้อ Levator ทำงานน้อย | หนังตาหย่อน ไขมันมาก ชั้นตาหลุด |
| ลักษณะ | ตาตกแม้มองตรง หรือหลับครึ่งเดียว | ตาดูง่วงเฉพาะตอนเหนื่อยหรือถ่ายรูป |
| วิธีรักษา | ผ่าตัดยกกล้ามเนื้อตา | ทำตาสองชั้น / เอาไขมันออก / ฟิลเลอร์ |
| ความเสี่ยง | หากทำผิด จะหลับไม่สนิท | ความเสี่ยงน้อยกว่า |
🧠 ทำไมต้องให้ “หมอเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่ง” เป็นคนวินิจฉัย? กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
เพราะภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจริงต้องประเมินหลายมิติ ทั้งความสูงเปลือกตา การทำงานของกล้ามเนื้อยกตา และความสมมาตรของลูกตา คำแนะนำจากแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญอาจทำให้เกิดการวินิจฉัยผิดพลาดว่าเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
หมอที่ไม่เชี่ยวชาญอาจวินิจฉัยผิดและผ่าตัด “เกินความจำเป็น” จนตาไม่เท่ากัน หรือปิดตาไม่สนิทเวลาหลับได้
ศัลยแพทย์เฉพาะทางตกแต่งที่มีประสบการณ์สามารถแยกได้ว่าปัญหามาจาก “กล้ามเนื้อตา” หรือ “โครงสร้างผิวและไขมันรอบตา”
และเลือกวิธีที่เหมาะสม เช่น
ผ่าตัดยกกล้ามเนื้อตา (Levator advancement) เพื่อแก้ไขภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
ทำตาสองชั้นแบบกรีดยาว
หรือเทคนิคแผลเล็ก scarless หากกล้ามเนื้อยังดีอยู่
📍 ตัวอย่างเคส กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จาก GrandMaster คลินิก
เคส “คุณเอ” อายุ 35 ปี มาพร้อมอาการตาดูง่วง ถูกคลินิกหนึ่งแนะนำให้ผ่ากล้ามเนื้อตา แต่หมอเกมส์ตรวจแล้วพบว่า ชั้นตาเดิมหลุดหลังทำตาสองชั้นแบบเย็บจุด
หลังแก้ไขด้วยเทคนิค แผลเล็ก scarless + ปรับชั้นตาใหม่ ไม่ต้องแตะกล้ามเนื้อเลย ตาเปิดกว้างและดูสดใสในเวลาเพียง 7 วัน

💬 สรุป: อย่าให้ใครบอกว่าคุณ “กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง” โดยไม่ตรวจจริง!
อย่าด่วนเชื่อคำพูดหรือรูปเปรียบเทียบในโซเชียล เพราะตาที่ดูตกหรือดูง่วง ไม่ได้แปลว่ากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงทุกกรณี
ให้ตรวจโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น เพื่อวางแผนแก้ไขได้ถูกจุด ไม่ต้องเสียเงิน เสียเวลา หรือเสี่ยงผ่าตัดซ้ำ
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ที่ หมอเกมส์ แนะนำ
1) แจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์อย่างละเอียด ได้แก่
- ปัญหาสุขภาพ
- โรคร้ายแรง / โรคประจำตัว โดยเฉพาะ โรคเบาหวาน น้ำตาลไม่ควรเกิน 200 mg/dl ก่อนทำการผ่าตัด หรือ ถ้าต่ำได้กว่านั้นก็ยิ่งดี
- ประวัติการผ่าตัดและการได้ยาระงับความรู้สึก ยิ่งถ้าใครแพ้ยาชา ต้องบอกไว้นะครับ สำคัญมากๆๆ
- ฟันโยก ฟันปลอม และปัญหาเกี่ยวกับฟัน
- การแพ้ยา / แพ้อาหาร ตรงนี้ ยิ่งสำคัญ ถ้าไม่รู้ว่าเคยกินยาตัวนี้ไหม ให้บอกว่า ไม่รู้นะครับ อย่าไปบอกว่า ไม่แพ้
- อื่น ๆ
2) ในกรณีดมยาสลบ มีภาวะเสี่ยง หรือโรคประจำตัว จะมีการเตรียมพร้อมร่างกายสำหรับการผ่าตัดและดมยาสลบ ได้แก่
- การเอกซเรย์ ( X- ray )
- การตรวจเลือด ( CBC )
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ โดยเฉพาะคนอายุ 50 ปีขึ้นไปควรทำการตรวจถ้าต้องการดมยาสลบ
- ถ้าท่านมีโรคประจำตัว ก่อนผ่าตัดควรทำการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรกรรม หรือ แพทย์ผระจำตัวของท่านก่อนทำการผ่าตัด
3) งดใช้ยา ยาบำรุง สมุนไพรบางชนิดที่อาจมีผลกับการผ่าตัด ก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 7 วัน และนำยาประจำตัวและยาสมุนไพรต่าง ๆ ที่รับประทานมาโรงพยาบาลเพื่อแจ้งแพทย์ในวันผ่าตัด เช่น
- ยาแก้ปวด กลุ่ม NSIADS
- ยาแอสไพริน
- วิตามิน E
- น้ำมันปลา ( Fish Oil )
- สาหร่ายทะเล (omega 3)
- เพราะ ยาหรือ อาหารเสริมดังกล่าวส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด เรียกง่ายๆ เลือดออกง่าย หยุดยาก
4) ควรงดสูบบุหรี่ ก่อนการผ่าตัดประมาณ 6 สัปดาห์ เพื่อป้องกันภาวะเนื้อเยื่อขาดเลือดมาเลี้ยง ทำให้เนื้อเยื่อตายได้ ถ้าสูบบุหรี่จัดต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบทันที และควรงดสูบบุหรี่หลังผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
5) หยุดดื่มสุรา ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด และควรหยุดดื่มสุราหลังผ่าตัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะ ถ้าหยุดแล้วท่านไปดื่มทันที รับรองเลิอดไหลเป็นน้ำแน่ๆ เพราะ alcohol มีส่วนกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
6) อาบน้ำชำระร่างกายและสระผมให้สะอาด เพราะ อาจจะไม่ได้สระผม ไปเกือบ 1 สัปดาห์ เพราะ แผลที่เปลือกตาห้ามโดนน้ำ แต่ในคนไข้บางท่านที่ชอบดำน้ำและ มีแว่นตาดำน้ำใหญ่ๆ ที่กันน้ำได้ สามารถใส่แล้ว ทำการสระผมอย่างระมัดระวังได้นะครับ ุถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ถ้าๆไม่ได้สระผม
7) ห้ามใช้เครื่องสำอางบริเวณหนังตาและผิวหนังรอบดวงตาหลังผ่าตัด 1 สัปดาห์
8) ในกรณีดมยาสลบ งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัดตามแพทย์สั่ง เพื่อป้องกันการสูดสำลักน้ำย่อยหรือเศษอาหารจากกระเพาะอาหารเข้าไปสู่ปอดระหว่างการได้รับยาระงับความรู้สึก
9) หลังผ่าตัด 1 สัปดาห์ควรใส่แว่นตากันแดด เพื่อความสบายตาในการมอง เนื่องจาก หลังผ่าตัด ตาจะเปิดกว้าง อาจมีความรู้สึกแสบตา เพราะ เห็นแสงจ้า นอกจากนี้ แว่นตากันแตด นอกจากกันแดดแล้ว ยังกันลม และ ฝุ่นด้วย
10) มีคนสนิทมาด้วย เพื่อพากลับบ้าน เพราะหลังผ่าตัดจะใช้สายตาไม่สะดวก ไม่ควรกลับบ้านตามลำพัง
ดูแลหลังผ่าตัด ที่ หมอเกมส์ มักแนะนำคือ
- หลังผ่าตัดภายใน 24 – 72 ชั่วโมง นอนยกศีรษะสูง ประคบเย็นบริเวณดวงตาทั้งสองข้างเพื่อลดอาการบวม
- งดใช้สายตาในช่วงแรก ๆ เพราะการใช้สายตา อย่างการดูทีวีหรือการอ่านหนังสือ ต้องกะพริบตาและเปลือกตาเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้แผลอักเสบและหายช้า
- ใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือ เช็ดคราบเลือด และสิ่งสกปรกออกอย่างเบามือ วันละ 2 – 3 ครั้ง เช็ดได้บ่อย ๆ เมื่อสกปรก
- หลังผ่าตัด 5 – 7 วัน แพทย์จะนัดติดตามอาการ แผลจะบวมอยู่ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ จากนั้นแผลจะหายเป็นปกติ ดูเป็นธรรมชาติประมาณ 1 เดือน
- หลังผ่าตัด 7 วัน ห้ามทานอาหารเผ็ดจัด เพราะจะทำให้เหงื่อออกมาก แผลเปียก ความดันเลือดสูงขึ้น อาจทำให้เลือดออกจากแผล
- หลังผ่าตัด 2 สัปดาห์ ต้องงดสุราและบุหรี่ เพราะมีผลกับการหายของแผลผ่าตัด งดการทำงานหรือการออกกำลังกายที่รุนแรง สามารถแต่งหน้าและแต่งแต้มดวงตาได้ตามปกติ
- หากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับแผล ได้แก่ ตาแดงมาก เคืองตา แผลแยก ต้องมาพบแพทย์ทันที
- ทานยาตามที่แพทย์สั่ง ถ้ามีอาการแพ้ยา เช่น คัน มีผื่นแดง คลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก ให้หยุดทานทันทีและรีบมาพบแพทย์
- กรณีที่ใส่คอนแทคเลนส์ให้เปลี่ยนไปสวมแว่นตาในช่วงสัปดาห์แรกหลังผ่าตัด หรือจนกว่าจะหายบวม ห้ามดึงเปลือกตาเพื่อใส่คอนแทคเลนส์เด็ดขาด เพราะแผลผ่าตัดอาจแยกจากกันได้ หลังผ่าตัดครบ 14 วัน สามารถกลับมาใส่คอนแทคเลนส์ได้ตามปกติ
- ห้ามขยี้ตารุนแรงหลังผ่าตัด 2 เดือน
- หากมีอาการปวดแผล สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
การผ่าตัดต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ของศัลยแพทย์ตกแต่ง เป็นสำคัญ นอกจากนี้ การผ่าตัดตา ไม่สามารถทำหลายๆครั้งแบบ เสริมหน้าอก หรือ เสริมจมูกได้นะครับ พังแล้วพังเลย แก้ยากมากยิ่งถ้ากรีดแผลยาวๆมา ดังนั้นก่อนทำการผ่าตัด ควรปรึกษา ศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการก่อน
โดยสามารถ
ปรึกษา การผ่าตัด ทำตาแผลเล็ก แผลมินิ เพิ่มเติมที่ line OA ของคลินิก หมอเกมส์ Grandmaster นะครับ
ถ้าคุณกำลังมองหาหมอทำตาที่มีฝีมือ ประณีต และให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาของท่าน หมอเกมส์ คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด ลองเข้าไปปรึกษาที่ GrandMasterClinic เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวคุณเอง แล้วคุณจะรู้ว่าดวงตาที่สวยงามไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝันอีกต่อไป
