เจาะลึก! ทำตาสองชั้นแบบ “กรีดยาว” vs “แบบ Scarless ” เลือกแบบไหนให้เหมาะกับตาคุณ
จริงๆ ต้องบอกว่า บทความนี้ถูกคะยั้น คะยอให้เขียน เพราะตอนแรกหมอกะ จะไม่เขียน เนื่องจากเกรงว่า จะกระทบกับคุณหมอส่วนใหญ่ ที่ทำการผ่าตัดแบบ Traditional Upper Eyelid Blepharoplasty หรือที่เรียกกันว่า การผ่าตัดแบบกรีด ( ที่ต้องใส่ชื่อภาษา ปะกิจ ไว้เพราะ รู้ว่าเดี๋ยวนี้คนไข้ค้นคว้าหาข้อมูลจาก Google !! และไม่ต้องพึ่งข้อมูลจากแพทย์เพียงฝ่ายเดียว .. เรียกได้ว่า เลยจุดที่ว่า หมอว่ายังงัยก็ว่าอย่างนั้นแล้ว )
ก่อนอื่น ต้องขอบอก ว่า คำถามยอดฮิต ของคนไข้ที่ชอบถามหมอ ก็คือ ” หมอค่ะ ตาแบบนี้ จะต้องทำแบบลงแผลเล็ก หรือแบบกรีด ” หรือถามว่า ” ตาแบบนี้ แผลเล็กไม่ได้หรอ ?ทำไมต้องกรีด ”
หมอจึงอยากอธิบายเป็น ประเด็นให้เข้าใจง่ายๆ และ ไม่โจมตีวิธีไหนๆ เป็นพิเศษ ( เดี่ยวจะเข้าสุภาษิตว่า องุ่นเปรี้ยว… ) โดยหมอจะชี้แจงข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมในแต่ละแบบให้เข้าใจกัน คิดง่ายๆว่า ” ถ้าคุณทำข้อสอบ และ กากบาท ข้อ ค อย่างเดียว รับรองว่า คุณสอบตกแม้ว่า คุณจะ กากบาทสวยแค่ไหนก็ตาม ………….. เปรียบเสมือนว่า ดวงตา ของคนเรามีหลากหลายแบบ จะไปทำวิธี ” กรีด ” เพียงอย่างเดียว จะได้อย่างไร ?
การทำตาสองชั้นแบบกรีดยาว (Traditional Blepharoplasty)
1. การผ่าตัดตาแบบกรีด : ต้องบอกว่าเป็นวิธี Basic พื้นฐาน มั๊ก มากๆ ในการทำการผ่าตัดเปลือกตา เรียกง่ายๆว่า ในระหว่างที่ หมอ Training เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง หมอเห็นอาจารย์ของหมอผ่าตัดวิธีนี้มา มากกว่า 600 ตา และโดยส่วนตัวเองที่ประกอบสัมมาอาชีพ เป็น ศัลยแพทย์ตกแต่งกว่า 10 ปีนั้นก็ผ่าตัด ตาแบบกรีดมาจำนวนไม่น้อยไปกว่ากันเท่าไร เลยพอจะรู้ถึงข้อดี และ ข้อเสีย ในระยะเวลานานๆ หลังการผ่าตัดแบบกรีดตา สองชั้น
โดยจะขอแจงรายละเอียดจากประสบการณ์ของตัวเอง.ในการผ่าตัดหนังตาแบบกรีดดังนี้ ( ขอย้ำว่าประสบการณ์ตัวเอง ไม่ได้พาดพิง คุณหมอท่านอื่นแต่อย่างใด )
ข้อดี ของการกรีดยาว
1. ในแง่ของการผ่าตัด ทำค่อนข้างง่าย เพราะเป็นการกรีด แผลจากหัวตา ไปหางตา เห็น Anatomy ชัดเจน ไม่ต้องกลัวว่า จะ Stop Bleed ไม่ได้ นอกจากนี้อะไรที่ มีมาก หรือมีเกิน เช่น หนังตา ก็ตัดออกไป ร่วมกับกล้ามเนื้อตา ( Orbicularis ) และ เอาไขมันก็เอาออกไปด้วย จากนั้นค่อยเย็บปิดแผล ตกแต่งชั้นตา ซึ่งหมอเรียกแนวคิด แบบนี้ว่า วิธีอนุรักษ์นิยม เพราะการผ่าตัดแบบนี้ ทำมากว่า 30-40 ปีแล้ว ทำมาตั้งแต่ อาจารย์ของหมอ ยังหนุ่ม จน ปัจจุบัน หมอที่เป็นลูกศิษย์ยังแก่แล้วเลย ฮ่าๆๆ
ข้อเสีย ของการกรีดยาว
1. แผลเป็น ที่เห็นชัดๆ เข้าใจง่ายคือ แผลเป็น ที่บริเวณเปลือกตาเวลาหลับตา ( เรียกว่า ลืมตาก็สวย แหละครับ หลับตาเมื่อไร คนที่มองเราอยู่ก็รู้เลยละ ว่าเราไปทำตามา ( ไม่รู้ว่า เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป เมื่อก่อนไม่อยากให้ใครรู้ว่าไปทำตามา เดี๋ยวนี้ ถ้าไปทำมาแล้วรีบเรียกเพื่อนๆมาดู ว่า รู้หรือเปล่าว่าทำมาแล้ว ฮ่าๆ )
2. ชั้นตาทับซ้อนกันมากกว่า 2ชั้น : เกิดจากแผลผ่าตัดที่สร้างขึ้น กับชั้นตาที่มีตามธรรมชาตินั้น มันคนละแนว และก่อให้เกิดรอยพับซ้อน 2 แนว โดยมักเห็นชัดที่ หัวตาและ ปลายหางตา ( หมอมักเรียก รอยนี้ว่า เป็นรอยหางปลา.ทู.. ที่เรียกแบบนี้ เพราะ ที่บ้านกินปลาทูบ่อย แบบที่เห็นในหนังแหละ ที่แขวนปลาเอาไว้ห้อยดู )
3. หลับตาไม่ค่อยสนิท : อันนี้ต้องบอกว่า เป็นเรื่องเล่าของสามีคนไข้ ที่มาเล่าให้ฟังว่า ภรรยา ไปทำตาสองชั้นตาแบบกรีด แรกๆก็พอเข้าใจได้ว่า ตาบวม แต่พอเวลาผ่านไปหลายเดือน ตื่นขึ้นมาตอนดึกๆ ตกใจทุกทีว่า ภรรยา นอนลืมตาอยู่ !! สังเกตดีๆ อ้าวนอนหลับ แต่ตาลืมอยู่ ( จะแอบย่องไปหา กิ๊กพม่า ซ่ะหน่อยไม่กล้าเลย ฮ่าๆๆ ) ภรรยาท่านไหนมีปัญหา สามีแอบไปหา สาวรับใช้ จะเลือกมาผ่าตัดวิธีนี้ก็ได้นะครับ ฮ่าๆๆๆ
4. ชั้นตาหลุด หรือชั้นตาไม่ชัด : อันนี้ขอให้เข้าใจกันใหม่นะครับว่า ชั้นตาหลุด หรือไม่หลุด ไม่เกี่ยวกับ การผ่าตัดวิธีไหน ( ที่ผ่านมาแบบ เจาะ 1 จุดและ 3 จุด ถูกโจมตีเยอะเหลือเกิน ) ต้องบอกว่า มีคนไข้หลายท่านที่มาปรึกษาหมอ ว่าทำการกรีดมา ไม่เกิน 5ปี ประสบปัญหาชั้นตาหลุด ?? ( ไหนว่า กรีดอยู่ตลอด ฮ่าๆๆๆ ….. ต้องบอกว่า ถ้าอยู่ในวงการนี้มาเกิน 10 ปีจะรู้ว่า การผ่าตัดแบบกรีด ก็หลุดได้ นะฮ๊าฟ ) แต่หลุดไม่หลุดนั้นต้องถามว่า หมอคนผ่าตัดเข้าใจกลไก ของการเกิดชึ้นตาแค่ไหน ?? รู้จักไม๊ คำว่า Static กะ Dynamic
5. ลืมตาไม่ค่อยจะขึ้น : เคยเจอไม๊ครับ ว่าเพื่อนไปผ่าตัดทำตาสองชั้นมา แล้วตาเพื่อนเบลอ หรือ ไม่ก็ทำมาแล้วตาปรือๆ ผมว่า ต้องมีคนไข้ประสบปัญหาแบบนี้กันเยอะ เพราะเดี่๋ยวนี้มีหมอบางท่าน กรีดชั้นตาสูงๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆ เหมือนกับที่ ชอบเสริมจมูกโด่งๆๆๆๆ แต่ ตากับจมูก มันไม่เหมือนกันนะครับ จะไปทำแบบเดียวกันไม่ได้ อย่างที่บอกแหละ คำ จำคำนี้เอาไว้ Static กะ Dynamic มันมีคำตอบในตัวของมันอยู่แล้ว
การทำตาแบบแผลเล็ก แผลมินิ หรือ แบบ Scarless Technique
พอเขียน ข้อดีข้อเสีย ของการกรีดไปแล้ว แล้วจะไม่เขียนถึง ข้อดี ข้อเสียของการผ่าตัดแบบ เจาะ ( ไม่ว่าจะเจาะ 1 แผล หรือหลายแผลก็ตาม ) เดี๋ยวจะหาว่าไม่ยุติธรรม หรือ มิอคติ หรือ จะมาหาว่า หมอเข้าข้างตัวเอง ว่าเป็น จ้าวสำนัก ทำตาแบบ Scarless technique แล้วมาโจมตีสำนักอื่น
ข้อดี
1. แผลเป็นน้อยหรือเห็นแผบไม่ชัด : แน่นอนว่า เมื่อไม่กรีด ก็ไม่มีแผล ดังนั้นแผลเป็น เวลาหลับตาเห็นชัดน้อยกว่าแน่นอน ส่วนเรื่องการพักพื้น อันนี้ไม่กล้าพูด เพราะหมอแต่ละท่านและ คนก็มือหนักเบา ไม่เหมือนกัน (สมัยเรียนแพทย์ อาจารย์ หมอ บอกว่า ศัลยแพทย์ที่ดีต้อง ” Lady Hand /Lion Heart / และ Eagle Eyes แต่จะมีซักกี่คนที่เป็นได้ดัง คตินี้ ) บางท่านบอกคนไข้ว่า 1เดือนหาย บางคนบอกว่า 3 เดือนหาย ซึ่งหมอว่า คงมีหลากหลายปัจจัยในการหาย แต่สรุปว่า ไม่น่าเกิน 3 เดือนนะ
2. นอนตาหลับสนิท: อันนี้ อาจไม่ใช่ข้อดีของบรรดา ภรรยา ที่สามีแอบหนีเที่ยวตอนกลางคืนนะครับ เพราะผ่าตัดวิธีนี้ นอนตาหลับสนิท เนื่องจาก หนังตาไม่ได้ถูกตัดออกไป … ตรงนี้อยากให้เข้าใจซักนิดว่า มนุษย์เราไม่ใช่ จิ้งจกนะครับ เปลือกตาที่พ่อ แม่ให้เรามาแต่เกิด ตอนแก่นั้น มันไม่ได้ งอกเกินออกมาทำให้ หนังตาตกลงมานะครับ แต่ที่เราเห็นว่ามันตก เป็นเพราะมันย่น ย้อยลงมา ( เหมือนผ้าม่านที่เราแขวนไว้ 20-30 ปี ผ้ามันก็ย้วยละครับ ) ดังนั้นเมื่อเรา ตัดหนังตาออกไป ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม เปลือกตาย่อมตึงขึ้น ส่วนจะตึงมากตึงน้อยแค่ไหน ขึ้นกะ คนตัด ครับ ( บอกได้เลยว่า ตัดอย่างไรก็แล้วแต่ อย่าตัดมาก และตัดเกิน 2 ครั้งนะครับ )
3. สามารถกำหนดชั้นตาที่ต้องการสร้างได้ : ง่ายกว่า ว่า อยากได้ชั้นเล็ก หรือชั้นใหญ่ แต่โดยปกติ หมอจะสร้างชั้นตาให้คนไข้ดูก่อนจากกล้อง 3 มิติ และ test กับคนไข้จริงๆว่า เหมาะกับชั้นตาไม๊ แต่พูดจากใจนะครับว่า คนไข้คนไหนต้องการชั้นตาเล็กๆ ชั้นตาตื้นๆ ไม่เหมาะกับวิธีนี้นะ !!! อย่าพยายามมาบังคับให้หมอทำให้นะ Please Please หมอทำได้แต่ชั้นชัดๆ สวยๆคมๆเท่านั้น
4. แก้ไขได้ง่ายกว่า : เมื่อเกิดปัญหา ข้อนี้ตรงไปตรงมา ยกตัวอย่าง ถ้าเปรียบเปลือกตาของท่านเหมือนกระดาษ ถ้าท่านกรีดเปลือกตาไปแล้ว ก็ไม่ต่างจากการ ฉีกกระดาษแน่นอนว่า ต่อให้ท่านหากาววิเศษมาปะ ยังงัยก็ไม่เหมือนเดิม !!!! แต่การทำ Scarless นั้น ไม่ได้ทำให้เปลือกตาของท่านเสียหาย ถ้าท่านอยากแก้ ก็แค่เข้าไปหาตำแหน่งที่เคยเย็บไว้ ปรับออก แล้วเย็บใหม่ได้ทันที
ข้อเสีย
1. ชั้นตาที่ได้ อยุ่ได้นานแค่ไหน ? ต้องบอกแบบนี้นะครับ ชั้นตาที่ได้จะอยู่นาน ตามความแก่ของแต่ละท่าน ตรงนี้ขอบอกตรงๆว่า หมอเองก็เคยผ่าตัดแก้เคส ที่ทำตาแบบกรีดมาแล้วเยอะแยะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำมาแล้วประมาณ 4-5 ปี ไม่เห็นมีเคสไหนทำมาเป็น 10 ปีเลย แต่เท่าที่สังเกตเคสพวกนี้ ทำให้หมอมีข้อสันนิฐานส่วนตัวว่า ยิ่งกรีดชั้นเล็กๆ เท่าไร โอกาสชั้นตก หรือชั้นหลุดก็เร็วเท่านั้น ( ปล . ไม่ใช่พอฟังแบบนี้ไปบอกหมอว่า หมอค่ะ ” นู๋ขอชั้นใหญ่ๆ เผื่อไว้เลยค่ะ ไว้ชั้นดูสวยๆพอดีๆ ตอนแก่ๆก็ได้ค่ะ แก่ๆ จะได้ไม่ต้องทำอีก )
ดังนั้นหมอขอสรุปว่า ชั้นตาระหว่าง แบบกรีด และ แบบ Scarless Technique ว่า ความคงอยู่ของชั้นตาไม่น่าจะต่างกัน
2. ไม่สามารถทำได้ในคนไข้อายุเยอะๆ โดยเฉลี่ยอายุเกิน 65 ปี จริงๆต้องบอกว่า วิธีการผ่าตัดแบบเจาะจะได้ผลดีหรือไม่ดีขึ้นกับ คุณภาพของผิวหนัง ถ้าอายุน้อยๆ แต่เหี่ยวมากก็ทำไม่ได้นะครับ แต่ถ้าอายุมากๆ แต่อะไรๆยังเต่งตึงอยู่ ก็ทำได้นะครับยกเว้นหู !!! แต่ที่หมอเอาอายุ 65 มาเป็นเกณฑ์ เพราะเมื่อคนไข้อายุเยอะขึ้นคนส่วนใหญ่จะมี หนังตาย่นมากขึ้น เหี่ยวมากขึ้น หมอก็มักแนะนำ ทำแบบกรีดจะเหมาะกว่า นะครับ
อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุ เลย 55 ปีขึ้นไป แต่ละเคสต้องมีการประเมินก่อนว่า สามารถทำ เทคนิกนี้ได้ไหม ?? “ไม่แน่ใจว่าตาของคุณเหมาะกับวิธีไหน? การประเมินจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคือคำตอบที่ดีที่สุด ส่งรูปภาพมาให้หมอประเมินเบื้องต้น หรือ นัดคิวเพื่อเข้ามาปรึกษาและเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับคุณ”
3. ทำค่อนข้างยาก เพราะต้องอาศัยความชำนาญ สูง ทำให้หมอหลายท่านที่ ( ไม่ได้จบอะไรเป็นพิเศษ และมีแต่ Certificate 1-3 วัน หลายๆใบนั้น ) และพยายามทำวิธีการเจาะนั้น ทำให้ได้ผลลัพธ์ไม่ค่อยดี และกลายเป็นว่า ทำให้ชื่อเสียงของวิธีการเจาะนี้เสียไป ต้องบอกอย่างนึ่งนะครับว่า การผ่าตัดวิธีเจาะ ไม่ว่ากี่จุดนั้นต้องการความชำนาญในการผ่าตัดค่อนข้างสูง นะครับ
คนที่จะทำวิธีนี้ได้ดี ย่อมต้องผ่าตัดแบบ Basic กรีดตา มามากจำนวนหนึ่งก่อน
หมอขอทิ้งท้ายนะครับว่า หมอที่เก่งนั้น ควรผ่าตัดให้ได้ทุกแบบทุกวิธี และเลือกสิ่งที่เหมาะและดีที่สุด กับคนไข้ เพราะคนไข้แต่ละคนมีรูปแบบของตาแตกต่างกัน ย่อมไม่มีวิธีหนึ่งวิธีใดที่เหมาะกับตาทุกๆแบบ อย่าไป Fix Idea ว่าวิธีที่เราทำเท่านั้นที่ดี วิธีของคนอื่นแย่ ไม่งั้น ไม่มี Paper หรือ Journal ทางการแพทย์ที่เขียนเกี่ยวกับการผ่าตัดแบบเจาะหรอกครับ