7 ข้อควรสะพรึง จากการผ่าตัดกรีดตาสองชั้น

จริงๆ ต้องบอกว่า บทความนี้ถูกคะยั้น คะยอให้เขียน เพราะตอนแรกหมอกะ จะไม่เขียน เนื่องจากเกรงว่า จะกระทบกับคุณหมอส่วนใหญ่  ที่ทำการผ่าตัดแบบ Traditional  Upper Eyelid Blepharoplasty หรือที่เรียกกันว่า การผ่าตัดแบบกรีด   ( ที่ต้องใส่ชื่อภาษา ปะกิจ ไว้เพราะ รู้ว่าเดี๋ยวนี้คนไข้ค้นคว้าหาข้อมูลจาก Google  !!  และไม่ต้องพึ่งข้อมูลจากแพทย์เพียงฝ่ายเดียว .. เรียกได้ว่า เลยจุดที่ว่า หมอว่ายังงัยก็ว่าอย่างนั้นแล้ว )

ก่อนอื่น ต้องขอบอก ว่า คำถามยอดฮิต ของคนไข้ที่ชอบถามหมอ ก็คือ ” หมอค่ะ ตาแบบนี้ จะต้องทำแบบเจาะ หรือแบบกรีด ” หรือถามว่า   ” ตาแบบนี้ เจาะไม่ได้หรอ ?ทำไมต้องกรีด  ”
หมอจึงอยากอธิบายเป็น ประเด็นให้เข้าใจง่ายๆ และ ไม่โจมตีวิธีไหนๆ เป็นพิเศษ  ( เดี่ยวจะเข้าสุภาษิตว่า องุ่นเปรี้ยว…  )  โดยหมอจะชี้แจงข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมในแต่ละแบบให้เข้าใจกัน   คิดง่ายๆว่า  ” ถ้าคุณทำข้อสอบ และ กากบาท ข้อ ค  อย่างเดียว รับรองว่า คุณสอบตกแม้ว่า คุณจะ กากบาทสวยแค่ไหนก็ตาม  ………….. เปรียบเสมือนว่า  ดวงตา ของคนเรามีหลากหลายแบบ จะไปทำวิธี ” กรีด ” เพียงอย่างเดียว จะได้อย่างไร ?

1. การผ่าตัดตาแบบกรีด : ต้องบอกว่าเป็นวิธี Basic พื้นฐาน มั๊ก มากๆ ในการทำการผ่าตัดเปลือกตา เรียกง่ายๆว่า ในระหว่างที่ หมอ Training เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง  หมอเห็นอาจารย์ของหมอผ่าตัดวิธีนี้มา มากกว่า 600 ตา  และโดยส่วนตัวเองที่ประกอบสัมมาอาชีพ เป็น ศัลยแพทย์ตกแต่งกว่า 10 ปีนั้นก็ผ่าตัด ตาแบบกรีดมาจำนวนไม่น้อยไปกว่ากันเท่าไร      เลยพอจะรู้ถึงข้อดี และ ข้อเสีย ในระยะเวลานานๆ หลังการผ่าตัดแบบกรีดตา สองชั้น

 

 

โดยจะขอแจงรายละเอียดจากประสบการณ์ของตัวเอง.ในการผ่าตัดหนังตาแบบกรีดดังนี้ (  ขอย้ำว่าประสบการณ์ตัวเอง ไม่ได้พาดพิง คุณหมอท่านอื่นแต่อย่างใด  )

ข้อดี :
1. ในแง่ของการผ่าตัด ทำค่อนข้างง่าย เพราะเป็นการกรีด แผลจากหัวตา ไปหางตา เห็น Anatomy ชัดเจน ไม่ต้องกลัวว่า จะ Stop Bleed ไม่ได้   นอกจากนี้อะไรที่ มีมาก หรือมีเกิน เช่น หนังตา   ก็ตัดออกไป ร่วมกับกล้ามเนื้อตา ( Orbicularis ) และ เอาไขมันก็เอาออกไปด้วย   จากนั้นค่อยเย็บปิดแผล ตกแต่งชั้นตา   ซึ่งหมอเรียกแนวคิด แบบนี้ว่า วิธีอนุรักษ์นิยม   เพราะการผ่าตัดแบบนี้ ทำมากว่า 30-40 ปีแล้ว ทำมาตั้งแต่ อาจารย์ของหมอ ยังหนุ่ม จน ปัจจุบัน หมอที่เป็นลูกศิษย์ยังแก่แล้วเลย ฮ่าๆๆ

ข้อเสีย :
1.  ที่เห็นชัดๆ เข้าใจง่ายคือ แผลเป็น ที่บริเวณเปลือกตาเวลาหลับตา ( เรียกว่า ลืมตาก็สวย แหละครับ หลับตาเมื่อไร คนที่มองเราอยู่ก็รู้เลยละ ว่าเราไปทำตามา  ( ไม่รู้ว่า เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป เมื่อก่อนไม่อยากให้ใครรู้ว่าไปทำตามา  เดี๋ยวนี้ ถ้าไปทำมาแล้วรีบเรียกเพื่อนๆมาดู ว่า รู้หรือเปล่าว่าทำมาแล้ว ฮ่าๆ )

 

2.  ชั้นตาทับซ้อนกันมากกว่า 2ชั้น : เกิดจากแผลผ่าตัดที่สร้างขึ้น   กับชั้นตาที่มีตามธรรมชาตินั้น มันคนละแนว และก่อให้เกิดรอยพับซ้อน 2 แนว  โดยมักเห็นชัดที่ หัวตาและ ปลายหางตา ( หมอมักเรียก รอยนี้ว่า เป็นรอยหางปลา.ทู..  ที่เรียกแบบนี้ เพราะ ที่บ้านกินปลาทูบ่อย  แบบที่เห็นในหนังแหละ ที่แขวนปลาเอาไว้ห้อยดู  )

 

3. หลับตาไม่ค่อยสนิท : อันนี้ต้องบอกว่า เป็นเรื่องเล่าของสามีคนไข้ ที่มาเล่าให้ฟังว่า ภรรยา ไปทำตาสองชั้นตาแบบกรีด แรกๆก็พอเข้าใจได้ว่า ตาบวม  แต่พอเวลาผ่านไปหลายเดือน ตื่นขึ้นมาตอนดึกๆ ตกใจทุกทีว่า ภรรยา นอนลืมตาอยู่ !!   สังเกตดีๆ อ้าวนอนหลับ  แต่ตาลืมอยู่  ( จะแอบย่องไปหา กิ๊กพม่า ซ่ะหน่อยไม่กล้าเลย ฮ่าๆๆ  )  ภรรยาท่านไหนมีปัญหา สามีแอบไปหา สาวรับใช้ จะเลือกมาผ่าตัดวิธีนี้ก็ได้นะครับ ฮ่าๆๆๆ

 

4. ชั้นตาหลุด  หรือชั้นตาไม่ชัด : อันนี้ขอให้เข้าใจกันใหม่นะครับว่า  ชั้นตาหลุด หรือไม่หลุด ไม่เกี่ยวกับ การผ่าตัดวิธีไหน ( ที่ผ่านมาแบบ เจาะ  1 จุดและ 3 จุด ถูกโจมตีเยอะเหลือเกิน )    ต้องบอกว่า มีคนไข้หลายท่านที่มาปรึกษาหมอ ว่าทำการกรีดมา ไม่เกิน 5ปี ประสบปัญหาชั้นตาหลุด  ??    ( ไหนว่า กรีดอยู่ตลอด ฮ่าๆๆๆ ….. ต้องบอกว่า ถ้าอยู่ในวงการนี้มาเกิน 10 ปีจะรู้ว่า การผ่าตัดแบบกรีด ก็หลุดได้ นะฮ๊าฟ  ) แต่หลุดไม่หลุดนั้นต้องถามว่า  หมอคนผ่าตัดเข้าใจกลไก ของการเกิดชึ้นตาแค่ไหน ??  รู้จักไม๊ คำว่า Static  กะ Dynamic

5. ลืมตาไม่ค่อยจะขึ้น : เคยเจอไม๊ครับ ว่าเพื่อนไปผ่าตัดทำตาสองชั้นมา แล้วตาเพื่อนเบลอ หรือ ไม่ก็ทำมาแล้วตาปรือๆ  ผมว่า ต้องมีคนไข้ประสบปัญหาแบบนี้กันเยอะ เพราะเดี่๋ยวนี้มีหมอบางท่าน กรีดชั้นตาสูงๆๆๆๆๆ  ฮ่าๆๆ เหมือนกับที่ ชอบเสริมจมูกโด่งๆๆๆๆ  แต่ ตากับจมูก มันไม่เหมือนกันนะครับ จะไปทำแบบเดียวกันไม่ได้ อย่างที่บอกแหละ คำ จำคำนี้เอาไว้ Static กะ Dynamic มันมีคำตอบในตัวของมันอยู่แล้ว

 

พอเขียน ข้อดีข้อเสีย ของการกรีดไปแล้ว  แล้วจะไม่เขียนถึง ข้อดี ข้อเสียของการผ่าตัดแบบ เจาะ  ( ไม่ว่าจะเจาะ 1 แผล หรือหลายแผลก็ตาม ) เดี๋ยวจะหาว่าไม่ยุติธรรม หรือ มิอคติ หรือ จะมาหาว่า หมอเข้าข้างตัวเอง ว่าเป็น จ้าวสำนัก ทำตาแบบ Scarless technique แล้วมาโจมตีสำนักอื่น

ข้อดี
1. แน่นอนว่า เมื่อไม่กรีด ก็ไม่มีแผล  ดังนั้นแผลเป็น เวลาหลับตาเห็นชัดน้อยกว่าแน่นอน ส่วนเรื่องการพักพื้น อันนี้ไม่กล้าพูด เพราะหมอแต่ละท่านและ คนก็มือหนักเบา ไม่เหมือนกัน   (สมัยเรียนแพทย์ อาจารย์ หมอ บอกว่า ศัลยแพทย์ที่ดีต้อง ” Lady Hand  /Lion Heart / และ Eagle Eyes   แต่จะมีซักกี่คนที่เป็นได้ดัง คตินี้ ) บางท่านบอกคนไข้ว่า 1เดือนหาย  บางคนบอกว่า 3 เดือนหาย ซึ่งหมอว่า คงมีหลากหลายปัจจัยในการหาย   แต่สรุปว่า ไม่น่าเกิน 3 เดือนนะ

2. นอนตาหลับสนิท  อันนี้ อาจไม่ใช่ข้อดีของบรรดา ภรรยา ที่สามีแอบหนีเที่ยวตอนกลางคืนนะครับ เพราะผ่าตัดวิธีนี้ นอนตาหลับสนิท  เนื่องจาก หนังตาไม่ได้ถูกตัดออกไป  … ตรงนี้อยากให้เข้าใจซักนิดว่า  มนุษย์เราไม่ใช่ จิ้งจกนะครับ เปลือกตาที่พ่อ แม่ให้เรามาแต่เกิด ตอนแก่นั้น มันไม่ได้ งอกเกินออกมาทำให้ หนังตาตกลงมานะครับ แต่ที่เราเห็นว่ามันตก เป็นเพราะมันย่น ย้อยลงมา  ( เหมือนผ้าม่านที่เราแขวนไว้ 20-30 ปี ผ้ามันก็ย้วยละครับ )  ดังนั้นเมื่อเรา ตัดหนังตาออกไป  ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม เปลือกตาย่อมตึงขึ้น  ส่วนจะตึงมากตึงน้อยแค่ไหน ขึ้นกะ คนตัด ครับ    ( บอกได้เลยว่า ตัดอย่างไรก็แล้วแต่ อย่าตัดมาก และตัดเกิน 2 ครั้งนะครับ )

3. กำหนดชั้นตาที่ต้องการสร้างได้ว่า อยากได้ชั้นเล็ก หรือชั้นใหญ่  แต่โดยปกติ หมอจะสร้างชั้นตาให้คนไข้ดูก่อนจากกล้อง 3 มิติ และ  test กับคนไข้จริงๆว่า เหมาะกับชั้นตาไม๊  แต่พูดจากใจนะครับว่า คนไข้คนไหนต้องการชั้นตาเล็กๆ ชั้นตาตื้นๆ ไม่เหมาะกับวิธีนี้นะ !!!  อย่าพยายามมาบังคับให้หมอทำให้นะ Please Please   หมอทำได้แต่ชั้นชัดๆ สวยๆคมๆเท่านั้น
4. แก้ไขได้ง่ายกว่า

 

ข้อเสีย
1. ชั้นตาที่ได้ อยุ่ได้นานแค่ไหน  ? ต้องบอกแบบนี้นะครับ ชั้นตาที่ได้จะอยู่นาน ตามความแก่ของแต่ละท่าน  ตรงนี้ขอบอกตรงๆว่า หมอเองก็เคยผ่าตัดแก้เคส ที่ทำตาแบบกรีดมาแล้วเยอะแยะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำมาแล้วประมาณ 4-5 ปี ไม่เห็นมีเคสไหนทำมาเป็น 10 ปีเลย  แต่เท่าที่สังเกตเคสพวกนี้  ทำให้หมอมีข้อสันนิฐานส่วนตัวว่า ยิ่งกรีดชั้นเล็กๆ เท่าไร โอกาสชั้นตก หรือชั้นหลุดก็เร็วเท่านั้น    ( ปล . ไม่ใช่พอฟังแบบนี้ไปบอกหมอว่า หมอค่ะ  ” นู๋ขอชั้นใหญ่ๆ เผื่อไว้เลยค่ะ  ไว้ชั้นดูสวยๆพอดีๆ ตอนแก่ๆก็ได้ค่ะ แก่ๆ จะได้ไม่ต้องทำอีก   )    ดังนั้นหมอขอสรุปว่า ชั้นตาระหว่าง แบบกรีด และ แบบเจาะ ( ไม่ว่าจะกี่จุดก็ตาม ) ความคงอยู่ของชั้นตาไม่น่าจะต่างกัน

2. ไม่สามารถทำได้ในคนไข้อายุเยอะๆ โดยเฉลี่ยอายุเกิน 50 ปี  จริงๆต้องบอกว่า วิธีการผ่าตัดแบบเจาะจะได้ผลดีหรือไม่ดีขึ้นกับ คุณภาพของผิวหนัง  ถ้าอายุน้อยๆ แต่เหี่ยวมากก็ทำไม่ได้นะครับ  แต่ถ้าอายุมากๆ แต่อะไรๆยังเต่งตึงอยู่ ก็ทำได้นะครับยกเว้นหู !!!    แต่ที่หมอเอาอายุ 50 มาเป็นเกณฑ์ เพราะเมื่อคนไข้อายุเยอะขึ้นคนส่วนใหญ่จะมี หนังตาย่นมากขึ้น เหี่ยวมากขึ้น หมอก็มักแนะนำ ทำแบบกรีดจะเหมาะกว่า นะครับ

3. ทำค่อนข้างยาก เพราะต้องอาศัยความชำนาญ สูง ทำให้หมอหลายท่านที่ ( ไม่ได้จบอะไรเป็นพิเศษ และมีแต่ Certificate 1-3 วัน หลายๆใบนั้น )  และพยายามทำวิธีการเจาะนั้น ทำให้ได้ผลลัพธ์ไม่ค่อยดี และกลายเป็นว่า ทำให้ชื่อเสียงของวิธีการเจาะนี้เสียไป  ต้องบอกอย่างนึ่งนะครับว่า  การผ่าตัดวิธีเจาะ ไม่ว่ากี่จุดนั้นต้องการความชำนาญในการผ่าตัดค่อนข้างสูง นะครับ คนที่จะทำวิธีนี้ได้ดี ย่อมต้องผ่าตัดแบบ Basic กรีดตา มามากจำนวนหนึ่งก่อน

หมอขอทิ้งท้ายนะครับว่า หมอที่เก่งนั้น ควรผ่าตัดให้ได้ทุกแบบทุกวิธี และเลือกสิ่งที่เหมาะและดีที่สุด กับคนไข้  เพราะคนไข้แต่ละคนมีรูปแบบของตาแตกต่างกัน  ย่อมไม่มีวิธีหนึ่งวิธีใดที่เหมาะกับตาทุกๆแบบ  อย่าไป Fix Idea ว่าวิธีที่เราทำเท่านั้นที่ดี  วิธีของคนอื่นแย่  ไม่งั้น ไม่มี Paper หรือ Journal ทางการแพทย์ที่เขียนเกี่ยวกับการผ่าตัดแบบเจาะหรอกครับ